ถ้าจะพูดถึงเกมไพ่ที่รู้จักกันในระดับสากล หลายคนก็คงนึกถึงเกมไพ่ แบล็คแจ็ค (Black Jack) หรือที่คนไทยบางคนจะรู้จักกันในชื่อเกมไพ่ป๊อก 21 ที่มีกติกาในการเล่นแปลกใหม่ ต่างจากการเล่นบาคาร่าหรือป๊อกเด้ง แต่มีความสนุกสนานไม่แพ้เกมไพ่ยอดนิยมหลายชนิดเลยทีเดียว
จุดกำเนิดของเกมไพ่แบล็คแจ็คนั้นมีที่มาไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่มีหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดคือมีการเล่นเกมไพ่ชนิดนี้ปรากฎอยู่บนภาพเขียนของศิลปินชาวฝรั่งเศส ในจังหวะที่กำลังนับไพ่ให้ได้ 21 แต้มอยู่บนมือพอดี จึงคาดเดากันว่าน่าจะเป็นเกมที่ถูกพัฒนามาจากเกมไพ่ Vingt-et-un ของฝรั่งเศส ที่มีความหมายถึงตัวเลข 20 และ 1 ซึ่งรวมกันได้ 21 แต้มพอดี แต่เกมไพ่แบล็คแจ็คก็ยังไปคล้ายกับเกมไพ่ของสเปนที่มีการนับแต้มให้ได้ 31 แต้มอยู่เช่นกัน ไม่ว่าเกมไพ่นี้จะมาจากประเทศไหน แต่ก็จะมีจุดร่วมแบบเดียวกันคือต้องมีเศษเป็นเลข 1 จึงจะชนะผู้เล่นคนอื่นได้
เมื่อมีการพัฒนาไปเป็นเกมไพ่ชื่อแบล็คแจ็คแล้ว เกมนี้เริ่มได้รับความนิยมขึ้นมาในปี 1800 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในช่วงแรกมีอัตราจ่ายของการชนะด้วย 21 แต้มภายใน 2 ใบแรกสูงถึง 10 เท่าของเงินเดิมพัน เพื่อดึงดูดใจให้มีผู้เล่นเข้ามาเยอะ แต่เมื่อมีผู้เล่นทักท้วงกันเรื่องความยากของกติกานี้ จึงเริ่มปรับปรุงมาให้สามารถจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ และขอแค่ได้แต้มรวมของไพ่ใกล้เคียงกับ 21 แต้มมากที่สุดก็เป็นผู้ชนะได้แล้วอย่างเช่นที่เล่นกันในทุกวันนี้
วิธีเล่น แบล็คแจ็ค ออนไลน์ นั้นจะมีแนวคิดหลักอยู่แค่อย่างเดียว คือการรวมแต้มของไพ่บนมือให้ได้ 21 แต้ม หรือผู้เล่นคนไหนที่ได้แต้มใกล้เคียงที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งคุณสามารถขอจั่วไพ่เพิ่มได้แบบไม่จำกัด จนกว่าจะพอใจ แต่ถ้าเกิน 21 แต้มไปเมื่อไหร่ก็จะถูกปรับแพ้ทันที
การเล่นไพ่แบล็คแจ็ค จะมีคำศัพท์ที่ใช้ในการเล่นโดยเฉพาะอยู่บางคำ ถ้าคุณได้เรียนรู้เอาไว้ก็จะทำให้เล่นได้อย่างเข้าใจและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าการเล่นเกมไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์จะเป็นเกมพนันที่ต้องอาศัยดวงในการชนะเป็นหลักก็ตาม แต่ก็ยังมีเทคนิคบางประการที่จะช่วยเพิ่มอัตราการชนะของคุณให้สูงขึ้น หรืออาจจะเพิ่มกำไรของคุณให้มากขึ้นได้อยู่บางประการ ตัวอย่างเช่น
ความจริงแล้วเป้าหมายในการเล่นแบล็คแจ็คนั้นไม่ใช่การได้ไพ่ 21 แต้ม แต่เป็นการได้แต้มที่สูงกว่าเจ้ามือเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ถ้าคุณมีแต้มไม่เกิน 11 ให้ขอจั่วเอาไว้ก่อน แต่ถ้ามีไพ่ระหว่าง 12-16 แต้ม ให้รอดูไพ่ของเจ้ามือ ถ้าเจ้ามือมีแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกอยู่ในช่วง 12-16 แต้มเช่นกัน ให้อยู่หรือ Stand ได้เลย เพราะเจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เพิ่ม และมีโอกาสที่จะได้แต้มเกิน 21 ค่อนข้างสูง
การทำ Insurance อาจจะดูว่าไม่ค่อยคุ้มค่า เพราะถ้าชนะแล้วจะได้รับเงินรางวัลเพียงครึ่งเดียว แต่ถ้าไพ่ใบแรกของเจ้ามือเป็น A และคุณมีแต้มรวมอยู่ในช่วง 14-16 แต้ม การทำ Insurance ก็จะค่อนข้างปลอดภัยกับคุณมากกว่าเพราะเจ้ามือมีโอกาสจะได้ Black Jack ค่อนข้างสูง
การทำ Split หรือการแยกไพ่ไปเล่น 2 มือเมื่อได้ไพ่หน้าเดียวกัน แน่นอนว่าถ้าชนะก็จะมีโอกาสได้กำไรเป็น 2 เท่า แต่ถ้าเลือกไพ่ไม่ดีก็จะอาจจะขาดทุน 2 เท่าได้เช่นกัน การทำ Split จึงต้องดูว่าไพ่นั้นไม่ควรเกิน 8 แต้ม เพราะถ้ามีแต้มเป็นจำนวน 9-10 แต้มแล้วจะมีโอกาสแพ้ค่อนข้างสูง
ไพ่ A ในเกมแบล็คแจ็ค ถือว่าเป็นไพ่ 2 โอกาส เพราะสามารถเป็นได้ทั้ง 1 แต้ม หรือ 11 แต้มก็ได้ ตามแต่สถานการณ์ในเกมนั้น ถ้าคุณได้ไพ่ A ขึ้นมาเป็นไพ่ 2 ใบเริ่มต้น ก็จะทำให้คุณสามารถลุ้นไพ่ให้เกิน 17 แต้มขึ้นไปได้ง่ายกว่าปกติ เพราะถ้าคุณได้เกิน 21 แต้มเมื่อไหร่ ไพ่ A ของคุณก็จะกลายเป็น 1 แต้ม และคุณก็สามารถจั่วเพื่อลุ้นแต้มไพ่ให้เพิ่มขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง
เมื่อรู้กติกาในการเล่นแบล็คแจ็คกันไปแล้ว ถ้าคุณต้องการลองฝีมือการเล่นแบล็คแจ็คที่คุณได้เรียนรู้มา คุณก็สามารถหาเล่นได้จากเว็บคาสิโนที่น่าเชื่อถือเหล่านี้
แค่ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นบ้านสำหรับเกมคาสิโน เว็บ Live Casino House มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในด้านเกมคาสิโนและเกมไพ่ออนไลน์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล เกมแบล็คแจ็คของทางเว็บก็มีกติกาที่เป็นทางการ อัตราจ่ายสูง มีหลายค่ายเกมให้เลือก ทั้ง SA GAMING, EVOLUTION GAMING, ASIA GAMING และค่ายอื่นอีกมากมาย ในด้านชื่อเสียงของทางเว็บเองก็มีความโปร่งใส น่าเชื่อถือ ไม่มีการเล่นตุกติกหรือโกงผู้เล่นอย่างแน่นอน
การเล่นแบล็คแจ็คกับเว็บพนันออนไลน์ นอกจากจะได้ความสนุกสนาน ลุ้นระทึกอย่างเร้าใจจากสัญญาณภาพถ่ายทอดสดที่คมชัดสมจริงเหมือนได้นั่งอยู่ในบ่อนคาสิโนจริงด้วยตัวเองแล้ว ยังสามารถทำเงินกำไรที่ถอนได้จริงให้กับคุณอีกด้วย ขอเพียงแค่คุณเล่นกับเว็บที่มีความโปร่งใส น่าเชื่อถือ อย่างเช่นเว็บคาสิโนทั้ง 7 ที่ทีมงานของเราแนะนำไปเท่านั้นเอง